ประชาคมโลกยินดี “ซาร์โก” นั่งเก้าอี้ผู้นำฝรั่งเศส

ผู้สนับสนุนนายนิโคลาส์ ซาร์โคซี หรือซาร์โก นักการเมืองฝ่ายขวาของฝรั่งเศส นับหมื่นคนต่างร่วมเฉลิมฉลองชัยชนะให้แก่นายซาร์โคซี ผู้นำพรรคสหภาพขบวนการประชานิยม หรือยูเอ็มพี วัย 52 ปี อย่างเอิกเกริก บริเวณจัตุรัสกลางกรุงปารีส ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 เมื่อวันอาทิตย์ 6 พ.ค. นายซาร์โคซี ได้รับความไว้วางใจจากชาวฝรั่งเศส 53.06 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้ใช้สิทธิลงคะแนนกว่า 35.7 ล้านคน หรือมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งราว 85 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2524 ส่วนนางเซกอลีน โรยาล คู่แข่งจากพรรคสังคมนิยม วัย 53 ปี ต้องพลาดหวังจากตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฝรั่งเศส ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน 46.94 เปอร์เซ็นต์ชัยชนะของนายซาร์โคซีทำให้ดัชนีหุ้นฝรั่งเศสดีดตัวขานรับทันที 0.18 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลนานาประเทศทั่วโลกต่างแสดงความยินดีกันอย่างคึกคัก ขณะที่นายซาร์โคซีกล่าวสุนทรพจน์ระบุนี่คือชัยชนะของชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศ เขาจะเป็นประธานาธิบดีเพื่อประชาชนทุกคน ส่วนนางโรยาลแถลงยอมรับความปราชัย ขอบคุณผู้สนับสนุนทุกเสียง พร้อมระบุประธานาธิบดีคนใหม่จะเป็นผู้กำหนดนโยบายบริหารประเทศ ส่วนตนจะทำงานใกล้ชิดประชาชนต่อไป
ภาระหน้าที่จากนี้ไปของว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่คือ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยร่างรายชื่อกำหนดตำแหน่งคณะรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลและเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายในวันที่ 10-17 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นบททดสอบชิ้นแรกว่าพรรคยูเอ็มพี จะสามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้หรือไม่
นโยบายบริหารประเทศของนายซาร์โคซีตามที่ได้ให้สัญญาไว้แก่ประชาชน คือลดปัญหาการว่างงานลงจากอัตราการว่างงานสูงที่สุดในกลุ่มชาติสหภาพยุโรปอยู่ที่กว่า 8 เปอร์เซ็นต์ อนุญาตประชาชนทำงานมากกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยไม่ต้องเสียภาษีรายได้เพิ่ม ลดขั้นตอนการจัดการในองค์กรบริการสาธารณะ แต่เพิ่มการจ้างงานและพยายามลดหนี้สินสาธารณะ
นโยบายด้านสังคม ได้แก่ กำหนดโทษขั้นต่ำใหม่สำหรับผู้ก่อความไม่สงบซ้ำซาก เพิ่มโทษเข้มงวดขึ้นสำหรับเยาวชนที่ก่อความรุนแรง ลดจำนวนผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตั้งกระทรวงดูแลงานด้านผู้อพยพและการกำหนดสัญชาติ ส่วนนโยบายต่างประเทศ ได้แก่ เจรจายุทธศาสตร์สถานะสมาชิกอียูของตุรกี ตั้งตำแหน่งรมว.ต่างประเทศอียูสนับสนุนรัฐสภายุโรป ไม่ยอมรับนิวเคลียร์อิหร่าน กระชับสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน.